หลากเรื่องชวนติดตามในฟุตบอลชายเอเชียนเกมส์ 2018




ใกล้การแข่งขันเข้ามาทุกทีแล้ว สำหรับฟุตบอลชายในทัวร์นาเมนต์ "เอเชียนเกมส์ 2018" ที่ประเทศอินโดนิเซีย ซึ่งจะเริ่มทำการแข่งขันก่อนกีฬาประเภทอื่น ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2018

บทความนี้ผมขอพูดถึงเรื่องราวที่น่าติดตามก่อนที่การดวลแข้งของ 25 ชาติในเอเชียนเกมส์หนนี้ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดครอบคลุมทั้งเรื่องในและนอกสนาม!

1. การจัดการของเจ้าภาพ

เกิดปัญหาชวนงงตั้งแต่ยังไม่ทันลงสนาม หลังจากที่การเตรียมจับสลากหนแรกของฟุตบอลชาย เอเชียนเกมส์ 2018 เจ้าภาพอย่างอินโดนิเซียดันไม่ใส่ชื่อสองชาติโซนเอเชียตะวันออกอย่าง ยูเออี กับ ปาเลสไตน์ ลงไปในการแบ่งสายหนแรก ก่อนจะเกิดเหตุให้ทั้งสองประเทศดังกล่าวยื่นคำร้องออกไปใหม่ให้สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย(เอเอฟซี) และฝ่ายจัดการแข่งขัน ทำให้ต้องจับสลากรอบสองอีกครั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และผลออกมาเป็นปาเลสไตน์ ที่มาอยู่กลุ่มเดียวกับอินโด

ส่วนยูเออีถูกวางให้อยู่กลุ่มอี (ก่อนจะถูกโยกมาอยู่กลุ่มซี ในการจับแบ่งสายหนล่าสุดในวันที่ 3 สิงหาคมนี้) เรียกได้ว่าวุ่นวายตั้งแต่แรก ซึ่งน่าจับตาดูต่อไปว่าหลังจากนี้การจัดการของเจ้าภาพ ทั้งในแง่ของเรื่องในสนามและนอกสนามจะราบรื่นหรือไม่


2. ใบเบิกทางสู่ยอดนักเตะอาชีพ

แน่นอนว่าทุกทัวร์นาเมนต์ของฟุตบอลที่นอกเหนือไปจากรายการที่มีฟีฟ่า หรือสหพันธ์ฟุตบอลของทวีปต่างๆรองรับแบบเต็มตัว ส่วนใหญ่มักจะเป็นรายการแข่งขันที่กำหนดให้ทีมเยาวชน หรือเปิดโอกาสให้ผู้เล่นอายุเกินบางส่วนลงเล่นเท่านั้น ซึ่งเอเชียนเกมส์หนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งการแข่งขันของเหล่าดาวรุ่งรอวันจรัสแสงให้กับชาติของตัวเอง และในเอเชียนส์เกมส์ครั้งที่ผ่านๆมาก็มีเหล่าดาวโรจน์ที่พร้อมแจ้งเกิดในเส้นทางฟุตบอลอาชีพอยู่ไม่น้อย อาทิ คิม ซึง กิว โกลสโมสรวิสเซล โกเบ ที่เคยซิวเหรียญทองกับเกาหลีใต้เมื่อเอเชียนส์เกม หนที่แล้ว หรือรุ่นพี่ร่วมชาติอย่างคู จา โชล ที่คว้าเหรียญทองแดงกับเกาหลีใต้ในปี 2010 ไม่เว้นแม้แต่ อาลี อัดนาน แบ็คซ้ายทีมชาติอิรัก ที่ปัจจุบันอยู่ค้าแข้งในเซเรีย อา ก็เคยเล่นในรายการนี้ และคว้าเหรียญทองแดงมาแล้วในปี 2014


3. ทีมชาติญี่ปุ่นยังคงใช้ชุดเตรียมลุยโอลิมปิกเป็นแกนหลัก

ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์บนดินแดนอิเหนาหนนี้ของทีมซามูไรบลู ก็ยังคงเป็นผู้เล่นชุดเตรียมทีมสู่ฟุตบอลโอลิมปิก 2020 ที่พวกเขาจะเป็นเจ้าภาพในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งทั้ง 20 คนที่ติดทีมมาล้วนแต่อายุไม่เกิน 21 ปี แต่ก็มีหลายคนที่มีโอกาสสัมผัสกับทีมชุดใหญ่ในเจ1ลีกบ้างแล้ว โดยเฉพาะ โคจิ มิโยชิ เพื่อนร่วมทีมของชนาธิป สรงกระสินธ์ ในนามคอนซาโดเล ซัปโปโร

ซามูไรบลุชุดนี้อาศัยทีมเวิร์ค บอลระบบที่ซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว น่าจับตามองว่าพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน และทีมชุดนี้พร้อมพอที่จะสานต่อความสำเร็จในโอลิมปิกโตเกียว 2020 หรือไม่


4. ซน ฮึงมิน นำเกาหลีใต้ลุ้นล่าเหรียญทอง

ขณะที่เกาหลีใต้ จัดเต็มโควตาทั้งทีม U23 และ 3 นักเตะโควตาอายุเกินลงครบครัน นำมาโดย ซน ฮึง มิน สตาร์จากสเปอร์สที่ลุ้นคว้าเหรียญรางวัลอันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะทำให้เขาไม่ต้องไปเกณฑ์ทหาร รวมถึง โช ฮยอน วู จอมหนึบมือ1ทีมชุดใหญ่ และ ฮวาง อุย โจ กองหน้าวัยเบญจเพสของกัมบะ โอซากา แน่นอนว่าเมื่อทีมแทกุ๊กเปี่ยมไปด้วยแกนหลักขนาดนี้ ทำให้พวกเขาถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งลุ้นเหรียญทองอย่างไม่ต้องสงสัย


5. จับตาช้างศึกยุคโค้ชโย่ง

กลับมาดูที่ความพร้อมของไทย ทีมชุดนี้ใช้ผู้เล่นอายุไม่เกิน 23 ปีลงขับเคลื่อน ภายใต้การทำทีมของวรวุธ ศรีมะฆะ มีแกนหลักทั้งจากชุดซีเกมส์ 2017 รวมถึงชุด U23 ชิงแชมป์เอเชียอย่าง จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ สตาร์เอฟซี โตเกียว U23 วรวุธ นามเวช กองหลังกัปตันทีม รวมถึงกองหน้าความหวังอย่าง สิทธิโชค ภาโส นำทัพล็อตแรก และยังมีลุ้นได้แข้งแกนหลักจากสโมสรในไทยลีกมาสมทบ อาทิ ศุภโชค สารชาติ ของบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด,  ชัยวัฒน์ บุราญ ของสิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ฯลฯ อาจทำให้ช้างศึกชุดนี้กลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีอีกครั้งเหมือนสมัยที่มีโค้ชโย่งคุมเมื่อปีที่แล้ว จนถึงขั้นมีลุ้นเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเหมือน 4 ปีก่อนก็เป็นได้

จากนี้จะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ เอเชียนเกมส์ 2018 ก็จะระอุขึ้นแล้ว ผลงานต่อจากนี้ของแต่ละชาติจะเป็นอย่างไร ซนจะพาเกาหลีใต้คว้าเหรียญทอง พร้อมสิทธิ์รอดเกณฑ์ทหารหรือไม่ การจัดการแข่งขันจะมีอะไรผิดแปลกจากเดิมอีกหรือเปล่า ทีมชาติไทยจะไปได้ไกลแค่ไหน แฟนบอลอดใจรอกันอีกไม่นานครับ...






ความคิดเห็น