หลังจากที่ช่วงหัวค่ำของวันพฤหัสบดีนี้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เพิ่งประกาศดึง โยชิโนริ มุโตะ กองหน้าทีมชาติญี่ปุ่นเข้ามาร่วมทีมอย่างเป็นทางการ ทำให้แนวรุกซามูไรบลูรายนี้กลายเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนล่าสุดที่จะมีโอกาสลงสนามในเวทีพรีเมียร์ลีก
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีนักเตะร่วมสัญชาติซามูไรหลายคนที่มีโอกาสลงเล่นบนลีกอังกฤษมาก่อนมุโตะ และมีผลงานต่างกันออกไป ซึ่งฟอร์มของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกับเราที่นี่ครับ
จุนอิจิ อินาโมโตะ
เพื่อนร่วมทีมฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร ของชนาธิป สรงกระสินธ์ เคยมีโอกาสโยกมาค้าแข้งกับอาร์เซนอล และถือเป็นดีลฮือฮาในตลาดผู้เล่นเอเชียเป็นอย่างมากในยุคปี 2001-2002 แต่เนื่องจากอายุยังไม่เยอะ แถมปืนใหญ่มีดาราดังอยู่คับทีม ทำให้จุนอิจิมีโอกาสลงสนามภายใต้การคุมทีมของอาร์แซน เวนเกอร์เพียง 4 แมตช์เท่านั้น และถูกปล่อยตัวก่อนทัวร์นาเมนต์บอลโลก 2002 เรียกได้ว่าแม้จะประสบความสำเร็จในแง่ของการตลาด ทว่าเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับผลงานในสนาม
แม้จะอดแจ้งเกิดกับอาร์เซนอล แต่อินาโมโตะยังได้โอกาสเล่นในยุโรปต่อกับอีกหลายทีมในอังกฤษ อาทิ ฟูแล่ม เวสต์บรอมวิช และ คาร์ดิฟฟ์ ซึ่งช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดคือการลงเตะกับเจ้าสัวน้อย จากสถิติลงเล่นทุกรายการ 58 นัดยิง 9 ประตู โดยรวมอินาโมโตะผ่านสังเวียนในอังกฤษทั้งสิ้น 110 เกม ยิง 10 ประตู
สรุปผลงาน: 7/10
ฮิเดโตชิ นาคาตะ
นาคาตะเคยมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์พรีเมีย์ลีกกับทีมโบลตัน เมื่อซีซัน 2005-2006 และนับเป็นสโมสรสุดท้ายของเจ้าตัวก่อนจะตัดสินใจหันหลังให้อาชีพนักเตะทันทีที่หมดฟุตบอลโลก 2006 โดยตลอดผลงาน 1 ฤดูกาลกับเดอะ ทรอตเตอร์ นาคาตะลงสนามทั้งสิ้น 32 นัด ยิง 1 ประตู
สรุปผลงาน: 6/10
เรียว มิยาอิจิ
ปีกร่างโย่งที่แม้จะรูปร่างสูงใหญ่ ทว่ากลับมีความเร็วแบบไม่เหมือนนักเตะคนไหน จากสิ่งนี้ถือเป็นจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้เรียวถูกอาร์แซน เวนเกอร์ ดึงมาเสริมทีมอาร์เซนอลเมื่อซีซัน 2011-2012 และดูเหมือนว่าเขายังคงเผชิญกับอุปสรรคเรื่องสตาร์ดังเต็มทีมและไม่มีที่ยืน แถมยังมีอาการเจ็บรบกวนอยู่เสมอ ทำให้ตลอด 2 ปีกับไอ้ปืนใหญ่ เรียวได้ลงเล่นเพียง 7 เกม รวมทุกรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโอกาสสัมผัสเกมลีก 1 นัด
และแม้จะถูกปล่อยยืมให้โบลตัน และวีแกนใช้งาน แต่แข้งส่วนสูง 183 เซนติเมตรก็ยังเจอบททดสอบที่ทำให้แจ้งเกิดบนเกาะอังกฤษไม่ได้ กระทั่งถูกปืนใหญ่ปล่อยพ้นทีมหลังจบฤดูกาล 2012-13
สรุปผลงาน: 4/10
คาซุยุกิ โทดะ
เชื่อว่าใครหลายคนอาจจะไม่รู้จักอดีตกองกลางรายนี้ที่ปัจจุบันอายุ 40 ปี โดยเจ้าตัวถูกสเปอร์สดึงมาร่วมทีมหลังจากโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในเกมฟุตบอล 2002 อย่างไรก็ตาม เขากลับพิสูจน์ตัวเองกับไก่เดือยทองไม่ได้ โทดะมีโอกาสลงเล่นให้สเปอร์สเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น และเคยถูกไล่ไปเล่นกับทีมสำรองมาแล้ว ก่อนจะอยู่กับทีมเพียง 1 ปี กระทั่งต้องมาเก็บกระเป๋ากลับญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
สรุปผลงาน: 3/10
ชินจิ คางาวะ
หลังผลงานเปรี้ยงกับดอร์ทมุนด์ จากการพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งแชมป์บุนเดสลีกา และแชมป์เดเอฟเบ โพลคา ทำให้คางาวะถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สอยมาเสริมแกร่งในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์เมื่อปี 2012-13 แม้ช่วงแรกภายใต้การทำทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาจะยังสานฟอร์มเด่นสมัยอยู่เสือเหลือง ทั้งการเป็นนักเตะเอเชียคนแรกยิงแฮตทริคได้ในพรีเมียร์ลีก ลงเล่นภายใต้การคุมทีมของป๋าเฟอร์กี้ จนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรก แต่หลังจากนั้นความมั่นใจเริ่มจะถดถอยในยุคของเดวิด มอยส์ คางาวาเริ่มได้เล่นน้อยลง ก่อนตัดสินใจกลับดอร์ทมุนด์มาจนถึงปัจจุบัน
สรุปผลงาน: 8/10 (ในยุคเฟอร์กี้) 4/10 (ในยุคมอยส์)
ชินจิ โอคาซากิ
อดีตดาวยิงชิมิสุ เอสพัลส์ ออกมาเผชิญเส้นทางค้าแข้งในอังกฤษหนแรกกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2015-16 ภายหลังที่ผ่านประสบการณ์ลงสนามในบุนเดสลีก้ามาถึง 5 ฤดูกาล และเพียงปีแรกกับเดอะ ฟ็อกซ์ ชินจิคว้าแชมป์แรกร่วมกับทีมได้ทันทีชนิดที่ทั่วโลกชื่นชม จากผลงาน 36 เกม ยิง 5 ประตู แม้ฟอร์มช่วงหลังจะดูดร็อปลงไปบ้าง แต่เขาก็ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญคนหนึ่งของทีมมาจนถึงปัจจุบัน โดยในขณะนี้เขามีสถิติลงสนามรวมทุกรายการ 111 เกม ยิง 19 ประตู
สรุปผลงาน: 7.5/10
มายะ โยชิดะ
ในฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้ นับเป็นปีที่ 7 เข้าไปแล้ว ที่โยชิดะจะมีโอกาสลงสัมผัสเกมในอังกฤษกับเซาท์แธมป์ตัน แม้จะไม่มีโทรฟีประดับร่วมทีมสโมสร แต่จากโอกาสลงสนามรวมทุกรายการไปแล้วไม่น้อยกว่า 163 นัด บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าตราบใดที่กองหลังร่างใหญ่ทีมชาติญี่ปุ่นยังไม่หมดสัญญากับนักบุญ เขาก็พร้อมจะสานต่อโอกาสลงสนามต่อไปอีกเรื่อยๆ
สรุปผลงาน: 8.5/10
7 คนก่อนหน้าล้วนแต่มีผลงานเด่นดับต่ากันแบบสิ้นเชิง แน่นอนว่าในฐานะที่มุโตะเป็นนักเตะสายเลือดเอเชียเหมือนกับตัวผม รวมทั้งผู้อ่าน ก็หวังว่าเขาจะผลิตผลงานที่ดี งัดออกมาช่วยสาลิกาดงประสบความสำเร็จออกมา เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับนักเตะเอเชียในอนาคตต่อไป
ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีนักเตะร่วมสัญชาติซามูไรหลายคนที่มีโอกาสลงเล่นบนลีกอังกฤษมาก่อนมุโตะ และมีผลงานต่างกันออกไป ซึ่งฟอร์มของแต่ละคนจะเป็นอย่างไรนั้น ติดตามกับเราที่นี่ครับ
จุนอิจิ อินาโมโตะ
เพื่อนร่วมทีมฮอกไกโด คอนซาโดเล ซัปโปโร ของชนาธิป สรงกระสินธ์ เคยมีโอกาสโยกมาค้าแข้งกับอาร์เซนอล และถือเป็นดีลฮือฮาในตลาดผู้เล่นเอเชียเป็นอย่างมากในยุคปี 2001-2002 แต่เนื่องจากอายุยังไม่เยอะ แถมปืนใหญ่มีดาราดังอยู่คับทีม ทำให้จุนอิจิมีโอกาสลงสนามภายใต้การคุมทีมของอาร์แซน เวนเกอร์เพียง 4 แมตช์เท่านั้น และถูกปล่อยตัวก่อนทัวร์นาเมนต์บอลโลก 2002 เรียกได้ว่าแม้จะประสบความสำเร็จในแง่ของการตลาด ทว่าเขากลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงกับผลงานในสนาม
แม้จะอดแจ้งเกิดกับอาร์เซนอล แต่อินาโมโตะยังได้โอกาสเล่นในยุโรปต่อกับอีกหลายทีมในอังกฤษ อาทิ ฟูแล่ม เวสต์บรอมวิช และ คาร์ดิฟฟ์ ซึ่งช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดคือการลงเตะกับเจ้าสัวน้อย จากสถิติลงเล่นทุกรายการ 58 นัดยิง 9 ประตู โดยรวมอินาโมโตะผ่านสังเวียนในอังกฤษทั้งสิ้น 110 เกม ยิง 10 ประตู
สรุปผลงาน: 7/10
ฮิเดโตชิ นาคาตะ
นาคาตะเคยมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์พรีเมีย์ลีกกับทีมโบลตัน เมื่อซีซัน 2005-2006 และนับเป็นสโมสรสุดท้ายของเจ้าตัวก่อนจะตัดสินใจหันหลังให้อาชีพนักเตะทันทีที่หมดฟุตบอลโลก 2006 โดยตลอดผลงาน 1 ฤดูกาลกับเดอะ ทรอตเตอร์ นาคาตะลงสนามทั้งสิ้น 32 นัด ยิง 1 ประตู
สรุปผลงาน: 6/10
เรียว มิยาอิจิ
ปีกร่างโย่งที่แม้จะรูปร่างสูงใหญ่ ทว่ากลับมีความเร็วแบบไม่เหมือนนักเตะคนไหน จากสิ่งนี้ถือเป็นจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้เรียวถูกอาร์แซน เวนเกอร์ ดึงมาเสริมทีมอาร์เซนอลเมื่อซีซัน 2011-2012 และดูเหมือนว่าเขายังคงเผชิญกับอุปสรรคเรื่องสตาร์ดังเต็มทีมและไม่มีที่ยืน แถมยังมีอาการเจ็บรบกวนอยู่เสมอ ทำให้ตลอด 2 ปีกับไอ้ปืนใหญ่ เรียวได้ลงเล่นเพียง 7 เกม รวมทุกรายการ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโอกาสสัมผัสเกมลีก 1 นัด
และแม้จะถูกปล่อยยืมให้โบลตัน และวีแกนใช้งาน แต่แข้งส่วนสูง 183 เซนติเมตรก็ยังเจอบททดสอบที่ทำให้แจ้งเกิดบนเกาะอังกฤษไม่ได้ กระทั่งถูกปืนใหญ่ปล่อยพ้นทีมหลังจบฤดูกาล 2012-13
สรุปผลงาน: 4/10
คาซุยุกิ โทดะ
เชื่อว่าใครหลายคนอาจจะไม่รู้จักอดีตกองกลางรายนี้ที่ปัจจุบันอายุ 40 ปี โดยเจ้าตัวถูกสเปอร์สดึงมาร่วมทีมหลังจากโชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมในเกมฟุตบอล 2002 อย่างไรก็ตาม เขากลับพิสูจน์ตัวเองกับไก่เดือยทองไม่ได้ โทดะมีโอกาสลงเล่นให้สเปอร์สเพียงแค่ 4 นัดเท่านั้น และเคยถูกไล่ไปเล่นกับทีมสำรองมาแล้ว ก่อนจะอยู่กับทีมเพียง 1 ปี กระทั่งต้องมาเก็บกระเป๋ากลับญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
สรุปผลงาน: 3/10
ชินจิ คางาวะ
หลังผลงานเปรี้ยงกับดอร์ทมุนด์ จากการพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งแชมป์บุนเดสลีกา และแชมป์เดเอฟเบ โพลคา ทำให้คางาวะถูกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สอยมาเสริมแกร่งในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์เมื่อปี 2012-13 แม้ช่วงแรกภายใต้การทำทีมของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาจะยังสานฟอร์มเด่นสมัยอยู่เสือเหลือง ทั้งการเป็นนักเตะเอเชียคนแรกยิงแฮตทริคได้ในพรีเมียร์ลีก ลงเล่นภายใต้การคุมทีมของป๋าเฟอร์กี้ จนคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่ปีแรก แต่หลังจากนั้นความมั่นใจเริ่มจะถดถอยในยุคของเดวิด มอยส์ คางาวาเริ่มได้เล่นน้อยลง ก่อนตัดสินใจกลับดอร์ทมุนด์มาจนถึงปัจจุบัน
สรุปผลงาน: 8/10 (ในยุคเฟอร์กี้) 4/10 (ในยุคมอยส์)
ชินจิ โอคาซากิ
อดีตดาวยิงชิมิสุ เอสพัลส์ ออกมาเผชิญเส้นทางค้าแข้งในอังกฤษหนแรกกับเลสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2015-16 ภายหลังที่ผ่านประสบการณ์ลงสนามในบุนเดสลีก้ามาถึง 5 ฤดูกาล และเพียงปีแรกกับเดอะ ฟ็อกซ์ ชินจิคว้าแชมป์แรกร่วมกับทีมได้ทันทีชนิดที่ทั่วโลกชื่นชม จากผลงาน 36 เกม ยิง 5 ประตู แม้ฟอร์มช่วงหลังจะดูดร็อปลงไปบ้าง แต่เขาก็ยังเป็นผู้เล่นคนสำคัญคนหนึ่งของทีมมาจนถึงปัจจุบัน โดยในขณะนี้เขามีสถิติลงสนามรวมทุกรายการ 111 เกม ยิง 19 ประตู
สรุปผลงาน: 7.5/10
มายะ โยชิดะ
ในฤดูกาลใหม่ที่จะถึงนี้ นับเป็นปีที่ 7 เข้าไปแล้ว ที่โยชิดะจะมีโอกาสลงสัมผัสเกมในอังกฤษกับเซาท์แธมป์ตัน แม้จะไม่มีโทรฟีประดับร่วมทีมสโมสร แต่จากโอกาสลงสนามรวมทุกรายการไปแล้วไม่น้อยกว่า 163 นัด บ่งบอกเป็นอย่างดีว่าตราบใดที่กองหลังร่างใหญ่ทีมชาติญี่ปุ่นยังไม่หมดสัญญากับนักบุญ เขาก็พร้อมจะสานต่อโอกาสลงสนามต่อไปอีกเรื่อยๆ
สรุปผลงาน: 8.5/10
7 คนก่อนหน้าล้วนแต่มีผลงานเด่นดับต่ากันแบบสิ้นเชิง แน่นอนว่าในฐานะที่มุโตะเป็นนักเตะสายเลือดเอเชียเหมือนกับตัวผม รวมทั้งผู้อ่าน ก็หวังว่าเขาจะผลิตผลงานที่ดี งัดออกมาช่วยสาลิกาดงประสบความสำเร็จออกมา เพื่อเป็นใบเบิกทางสำหรับนักเตะเอเชียในอนาคตต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น